รูปแบบโฆษณา TikTok: ทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม
Adjust , Content Team, Adjust, 08 มิ.ย. 2565.
TikTok กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในเวลาเพียงไม่กี่ปีทั่วทั้ง 150 ประเทศ และครอบคลุม 39 ภาษา คาดว่าจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้จะไต่ขึ้นไปจนถึง 755 ล้านคนต่อเดือน ภายในปีนี้ เมื่อรวมการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้เข้ากับ กลุ่มประชากร Gen Z ที่มีความโหยหา จึงไม่น่าแปลกใจที่ความสนใจในการโฆษณาผ่าน TikTok ของนักการตลาดดิจิทัลจึงสูงเป็นประวัติการณ์ บทความนี้มีทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อเริ่มต้นใช้งานโฆษณา TikTok รวมถึงตัวอย่างโฆษณา TikTok, ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา, รูปแบบโฆษณาบนแพลตฟอร์ม และอื่นๆ
รูปแบบโฆษณา TikTok ความยาว และสิ่งอื่นๆ ที่คุณต้องรู้
TikTok มีความโดดเด่นในวงการโซเชียลมีเดียด้วยรูปแบบวิดีโอขนาดสั้นที่ไม่เหมือนใคร โฆษณา TikTok มีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่แตกต่างกัน มาสำรวจรูปแบบโฆษณาต่างๆ ที่มีให้ใช้งาน ข้อดีและข้อเสียของโฆษณา TikTok แต่ละประเภท และตัวอย่างโฆษณา TikTok
-
โฆษณาแบบ In-feed
รูปแบบโฆษณามาตรฐานของ TikTok น่าจะเป็นรูปแบบที่ผู้ลงโฆษณาคุ้นเคยมากที่สุด โฆษณาแบบ In-feed จะฝังตัวอยู่ภายในฟีด For You ของผู้ใช้ โฆษณาแบบวิดีโอจะเล่นโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้สามารถกดถูกใจ แสดงความคิดเห็น แชร์ และติดตามได้
ความยาวที่เหมาะสมที่สุด: 15 วินาที
อัตราส่วนกว้างยาว: 9:16, 1:1, หรือ 16:9
ข้อดี: | ข้อด้อย: |
---|---|
ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ของแคมเปญต่างๆ | ต้องแข่งขันกับวิดีโออื่นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม |
รู้สึกเหมือนเป็นเนื้อหาที่กลมกลืน | |
มีฟีเจอร์ที่คลิกได้ | |
ปุ่ม CTA นำผู้ใช้ไปยังหน้าใดก็ได้ รวมถึงหน้าแลนดิ้งเพจภายนอก |
ตัวอย่างโฆษณาแบบ In-feed
LowerMyBills ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อที่อยู่อาศัยหันมาใช้โฆษณาแบบ In-feed และ TikTok Instant Page เพื่อช่วยให้เข้าถึงผู้ใช้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น ด้วยเนื้อหาที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับแพลตฟอร์ม TikTok กล่าว แคมเปญจึงทำให้ CPA ลดลง 20% เมื่อเทียบกับโฆษณาบนแพลตฟอร์มของแบรนด์ที่ไม่นำ TikTok Instant Page เข้ามาร่วมใช้งานด้วย
-
โฆษณาแบบ TopView
โฆษณาเหล่านี้จะปรากฏที่ด้านบนฟีด For You ของผู้ใช้เมื่อเปิดแอป และผู้ชมสามารถกดถูกใจ แชร์ แสดงความคิดเห็น และมีส่วนร่วมกับโฆษณาแบบวิดีโอได้
ความยาวที่เหมาะสมที่สุด: 60 วินาที
อัตราส่วนกว้างยาว: 9:16, 1:1, หรือ 16:9
ข้อดี: | ข้อด้อย: |
---|---|
รูปแบบที่ยาวขึ้นทำให้มีเวลาในการสื่อข้อความมากขึ้น | ผู้ใช้ TikTok สามารถจำแนกได้ง่ายกว่าว่าเป็นโฆษณา |
ประสบการณ์ที่สมจริงจะช่วยให้ชนะเนื้อหาที่เป็นคู่แข่ง | |
รับประกันการปรากฎตัวปริมาณสูง | |
เหมาะกับการรับรู้แบรนด์ |
ตัวอย่างโฆษณาแบบ TopView
Superplay ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัปด้านเกมมิ่งต้องการทำให้เกมเด่นของบริษัทอย่าง Dice Dreams เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดไทยด้วยแคมเปญแฮชแท็กของแบรนด์ ซึ่ง Superplay ใช้โฆษณา Reservation Ads แบบ TopView สามรายการในช่วงสามวันของเดือนตุลาคม 2021 TikTok รายงาน ว่าแคมเปญมี “การดูเพจมากกว่า 270 ล้านครั้ง, Engagement 134 ล้านครั้ง, การสร้างสรรค์วิดีโอ 130,000 วิดีโอ และสามารถมอบการปรากฎตัวที่สัญญาไว้ได้ถึง 132%”
-
โฆษณาแบบ Brand Takeover
โฆษณาแบบ Brand Takeover คือโฆษณาแบบเต็มหน้าจอที่อาจเป็นทั้งภาพนิ่งหรือแบบไดนามิก ซึ่งผู้ใช้จะเห็นเมื่อเปิดแอป เช่นเดียวกับโฆษณาแบบ TopView ผู้ใช้จะเห็นโฆษณาแบบ Brand Takeover หนึ่งรายการต่อวัน
ความยาวที่เหมาะสมที่สุด: วิดีโอความยาว 3-5 วินาที หรือรูปภาพความยาว 3 วินาที
อัตราส่วนกว้างยาว: 9:16, 1:1, หรือ 16:9
ข้อดี: | ข้อด้อย: |
---|---|
มอบปริมาณการปรากฎตัวที่สูง | ผู้ใช้ไม่สามารถกดถูกใจหรือแสดงความคิดเห็นได้ |
ผู้ใช้ไม่สามารถกดข้ามได้ | จำแนกได้ง่ายกว่าว่าเป็นโฆษณา |
เหมาะกับการรับรู้แบรนด์ |
ตัวอย่างโฆษณาแบบ Brand Takeover
คำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์ โฆษณาเหล่านี้บางรายการยังใช้วิดีโอของครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมเป็นหนึ่งในการสร้างโฆษณาด้วย TikTok ตั้งข้อสังเกต ว่า “ชุมชนส่งวิดีโอสำหรับคำท้าทายนี้มามากกว่า 167,000 วิดีโอ ซึ่งกระตุ้นให้มีการดูวิดีโอถึง 179 ล้านครั้ง”
คำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์
คำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์ซึ่งไม่เชิงเป็นโฆษณาแต่เป็นดั่งแคมเปญมากกว่านั้น ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (UGC) บน TikTok ในท้ายที่สุด คำท้าทายจะถูกจัดวางไว้ในสามตำแหน่งภายในแอป ซึ่งได้แก่ในฟีด ในแบนเนอร์เด่นบนหน้า Discover และในหน้าแลนดิ้งเพจของคำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์ที่รวบรวมวิดีโอ UGC ไว้ทั้งหมด
ข้อดี: | ข้อด้อย: |
---|---|
มอบปริมาณการปรากฎตัวที่สูง | ผู้ใช้ไม่สามารถกดถูกใจหรือแสดงความคิดเห็นได้ |
ผู้ใช้ไม่สามารถกดข้ามได้ | |
จำแนกได้ง่ายกว่าว่าเป็นโฆษณา | |
เหมาะกับการรับรู้แบรนด์ |
YouTube กำหนดให้คุณต้อง สามารถดูวิดีโอนี้ได้.
ตัวอย่างคำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์
เมื่อ Menulog ซึ่งเป็นแอปส่งอาหารของออสเตรเลียและมี Just Eat Takeaway เป็นเจ้าของต้องการเจาะกลุ่มผู้ใช้ที่อายุน้อยลง แอปนี้ได้หันมาใช้ #DeliveryDance ซึ่งเป็นคำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์เพื่อขับเคลื่อนการรับรู้แบรนด์ TikTok รายงาน ว่า #DeliveryDance “ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยใช้การจัดวางโฆษณาแบบ TopView และได้ครีเอเตอร์อย่างเป็นทางการมาช่วยกระตุ้นให้มีการจำโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 89% รวมถึงมีการปรากฎตัวมากกว่า 28.9 ล้านครั้งในเนื้อหาแคมเปญ Menulog ยังพบอีกว่าการเชื่อมโยงไปสู่แบรนด์นั้นได้เพิ่มขึ้น 35.9% ในช่วงแคมเปญ ครีเอเตอร์อย่างเป็นทางการสร้างยอดดูวิดีโอทั้งหมดสองล้านครั้ง โดยมีอัตรา Engagement เฉลี่ย 19%”
-
เอฟเฟกต์ของแบรนด์
สร้างสติกเกอร์ ฟิลเตอร์ และเอฟเฟกต์อื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเข้าไปในเนื้อหา เอฟเฟกต์ของแบรนด์สามารถทำเป็นแคมเปญเดี่ยว หรือใช้ร่วมกับคำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กก็ได้
ข้อดี: | ข้อด้อย: |
---|---|
เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้ จึงนำไปสู่ Engagement ที่สูงขึ้น | อาจต้องมีส่วนร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อให้เป็นที่สนใจ |
เหมาะกับการรับรู้แบรนด์ | |
เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มประชากรอายุน้อย | |
สามารถเป็นกำลังเสริมให้แก่คำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กได้ |
ตัวอย่างเอฟเฟกต์ของแบรนด์
เพื่อโปรโมตซีรีส์ใหม่ “Tribes of Europa” Netflix ใช้คำท้าทายที่ใช้แฮชแท็กของแบรนด์ชื่อว่า #TribesChallenge โดยสนับสนุนให้ผู้ใช้แสดงความจงรักภักดีต่อชนเผ่าทั้งสี่ของซีรีส์ผ่านการใช้เอฟเฟกต์ของแบรนด์ต่างๆ ที่ Netflix สร้างขึ้น Netflix ร่วมมือกับครีเอเตอร์ชื่อดังชาวเยอรมันใน TikTok 10 คนเพื่อเริ่มต้นแคมเปญ ครีเอเตอร์เหล่านี้สาธิตวิธีใช้เครื่องแต่งกายต่างๆ และพื้นหลังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชนเผ่า นี่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง โดยมีผู้ดูวิดีโอจากแคมเปญมากกว่า 1,500 ล้านครั้ง
สร้างโฆษณา TikTok ที่มีประสิทธิภาพ
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการสร้างโฆษณา TikTok หลายข้อนั้นมีความคล้ายคลึงกับการสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จบนทุกแพลตฟอร์ม ผู้ลงโฆษณาต้องสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ใช้ บน TikTok ผู้ใช้คาดหวังที่จะได้รับเนื้อหาที่ดูเป็นเรื่องจริงและกลมกลืนไปกับประสบการณ์ TikTok ของพวกเขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ โฆษณาของคุณต้องมีสิ่งต่อไปนี้
- ใช้เสียงและคำบรรยาย — TikTok ระบุว่า 93% ของวิดีโอที่มีการรับชมสูงเป็นวิดีโอที่มีเสียง และ 73% ของผู้ใช้ TikTok บอกว่าจะหยุดและดูโฆษณาที่มีเสียง
- วิดีโอที่มีความละเอียดสูงแบบเต็มหน้าจอได้ผลดีที่สุด — ตามที่ TikTok กล่าว คุณภาพและขนาดมีความสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงวิดีโอคุณภาพต่ำที่ภาพเบลอ และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่สมจริงโดยแสดงโฆษณาแบบเต็มหน้าจอ
- จัดให้อยู่ในแนวตั้งเสมอ — ถ้าคุณใช้วิดีโอแนวนอนทั้งๆ ที่ระบบรองรับวิดีโอแนวตั้ง คนก็จะรู้ทันทีว่าคุณยังเป็นมือใหม่ใน TikTok
ค้นหาผู้ชมของคุณ: การกำหนดเป้าหมายโฆษณาบน TikTok
และแน่นอน คุณต้องแน่ใจว่าได้กำหนดเป้าหมายผู้ชมที่เหมาะสมเพื่อให้เนื้อหาของคุณได้รับการตอบรับที่ดี ผู้ใช้คาดหวังว่าจะได้เห็นโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และเช่นเดียวกับโซเชียลเน็ตเวิร์คส่วนใหญ่ TikTok ช่วยให้คุณสร้างกลุ่มผู้ชมที่ตอบโจทย์ สร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน หรือกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ตามเกณฑ์ต่อไปนี้
- เพศ
- อายุ
- สถานที่
- ภาษา
- ความสนใจ
- พฤติกรรม
- รายละเอียดอุปกรณ์
TikTok ให้ผู้ใช้ปรับ การตั้งค่าโฆษณา ซึ่งช่วยให้พวกเขาเปิดหรือปิดการโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนค่าการกำหนดลักษณะโฆษณาสำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น คุณต้องจำเรื่องเหล่านี้เอาไว้ทุกครั้งที่วางแผนแคมเปญ
ราคาของโฆษณา TikTok
ไม่มีคำตอบง่ายๆ ถ้าถามว่า "โฆษณา TikTok ราคาเท่าไหร่" เพราะมีโฆษณาและแคมเปญที่มีให้ใช้งานหลากหลายประเภท และระดับการแข่งขันก็แตกต่างกันขึ้นอยู่กับผู้ชมที่คุณกำหนดเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโฆษณา TikTok อิงตามรูปแบบการเสนอราคา ผู้ลงโฆษณาจึงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายสำหรับแคมเปญและกลุ่มโฆษณาผ่านงบประมาณรายวันและตลอดชีพได้ ราคางบประมาณขั้นต่ำที่อยู่ด้านล่างนี้แสดงถึงราคาใน TikTok ณ เวลาที่เผยแพร่บทความนี้
งบประมาณขั้นต่ำในระดับแคมเปญ:
- งบประมาณรายวัน: $50
- งบประมาณตลอดชีพ: $50
งบประมาณขั้นต่ำในระดับกลุ่มโฆษณา:
- งบประมาณรายวัน: $20
- งบประมาณตลอดชีพ: คูณงบประมาณรายวันด้วยจำนวนวันที่กำหนด
เคล็ดลับในการปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา TikTok ของคุณ
เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ใช้ TikTok พร้อมที่จะใช้จ่ายเมื่อดูจากข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคใน TikTok ที่สูงถึง 824.4 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ของปี 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าของ 382.4 ล้านดอลลาร์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 ดังนั้น หากคุณพร้อมที่จะมุ่งเป้าโฆษณาของคุณไปยังผู้ใช้ TikTok ก็ถึงเวลาที่จะพัฒนากลยุทธ์ เรามีเคล็ดลับสามข้อให้คุณพิจารณาก่อนที่จะเริ่มต้น
เคล็ดลับที่ 1: โฆษณาแบบ InFeed สำหรับการติดตั้ง
ในขณะที่โปรไฟล์ประชากรผู้ใช้มือถือกำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ แอปที่มุ่งเป้าไปยังผู้ชมอายุน้อยทั่วโลกนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับ TikTok และหากการติดตั้งแอปคือเป้าหมายของคุณ โฆษณาแบบ In-feed จะเป็นรูปแบบโฆษณา TikTok ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากจะช่วยให้คุณสามารถใส่ CTA ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าแลนดิ้งเพจได้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถผลักดันปริมาณการเข้าชมไปยังแอปสโตร์
เคล็ดลับที่ 2: ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์
อินฟลูเอนเซอร์มีความสำคัญมากใน TikTok เนื่องจากฟีดของผู้ใช้จะได้รับการดูแลจัดการอย่างเข้มงวดโดยอิงจากอัลกอริทึมและเนื้อหาที่ดูเป็นเรื่องจริง ที่จริงแล้ว ไมโครอินฟลูเอนเซอร์มี อัตราการมีส่วนร่วมเฉลี่ย 18% และอัตราการมีส่วนร่วมบน TikTok จากผู้มีอิทธิพลทุกขนาดจะสูงกว่าใน YouTube หรือ Instagram มาก
ด้วยเหตุนี้ นักการตลาดแอปจึงควรทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ที่พร้อมสำหรับการตลาดแนวดิ่งของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น แอปคริปโตหรือฟินเทคอาจต้องการร่วมมือกับผู้ใช้ TikTok เพื่อสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ทางการเงิน การลงทุน หรือสกุลเงินคริปโต สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการตลาดแนวดิ่งด้านแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และเกมมิ่ง โปรดดูบทความของเราเรื่อง แนวทางปฏิบัติทางการตลาดของอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย
เคล็ดลับที่ 3: ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ด้านการวัดผลบนมือถือ
เพื่อให้เข้าใจเส้นทางของผู้ใช้และความสำเร็จของแคมเปญ TikTok อย่างถ่องแท้ คุณจำเป็นต้องทำงานร่วมกับ พาร์ทเนอร์ด้านการวัดผลบนมือถือ เช่น Adjust ปีที่แล้ว Adjust เข้าร่วมกับ TikTok ใน Business' Marketing Partner Program เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับความสะดวกในการผสมผสาน และการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญใน TikTok ด้วยเหตุนี้ คุณจึงสามารถตรวจตราและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญทั้งหมดของคุณในทุกช่องทางและเน็ตเวิร์คภายในที่เดียว รวมถึง TikTok ด้วย หากต้องการดูว่า Adjust จะช่วยให้แอปของคุณเติบโตได้อย่างไร ให้ ขอตัวอย่างได้เลยวันนี้
อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของแอปเป็นรายเดือนไหม เป็นสมาชิกจดหมายข่าวของเราได้